วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559

กรณีธรรมกาย >> คุณยายผู้ทรงคุณธรรม

คุณยายผู้ทรงคุณธรรม

หลังจากที่คุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย ได้ละสังขารไปแล้ว ทุกๆ คืน ที่บริเวณหน้าเรือนทองของท่าน ณ สภาธรรมกายสากล



หลังพิธีสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลให้คุณยายเสร็จแล้ว จะมีพระอาจารย์ขึ้นแสดงธรรมเรื่องคุณธรรมของคุณยาย โดยขึ้นแสดงธรรมวันละ ๑ รูป ซึ่งแต่ละรูปท่านก็จะมีความประทับใจในคุณยาย ผู้เป็นครูบาอาจารย์

แตกต่างกันไปบ้างหรือเหมือนกันบ้าง ทำให้ผู้เขียน ได้รับความรู้ มากมายนำมาเป็นแบบอย่าง ในการฝึกฝนตนเอง โดยมีคุณยายเป็นต้นแบบได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึงความโชคดีของตัวเองที่ได้มีโอกาสฟังธรรมเช่นนี้

จึงนึกปรารถนาให้ผู้อื่น ได้มีโอกาสรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ และนำไปเป็นแบบอย่างในการฝึกตัวเช่นที่ตัวเองได้รับบ้าง คอลัมน์นี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา โดยในฉบับนี้คือ การแสดงธรรม ของ พระครูวินัยธร ไพบูลย์ ธมฺมวิปุโล

วันนี้เป็นงานบำเพ็ญกุศลภาคค่ำ เป็นวันที่ ๔ ใน ๓ วันที่ผ่านมา บางท่านคงไม่ได้มาร่วมงานบำเพ็ญกุศล มีพระอาจารย์มาแสดงธรรมเพื่อบูชาคุณครูบาอาจารย์

มีในแง่มุมต่างๆ ซึ่งแต่ละรูปมีความประทับใจ ในครูบาอาจารย์ที่แตกต่างกันไป อาตมาขอโอกาสในเบื้องต้น ได้สรุปถึงสิ่งที่พระอาจารย์ ได้แสดงธรรมเมื่อ ๓ วันที่ผ่านมา

ในคืนวันจันทร์ พระอาจารย์วิษณุ ปัญญาทีโป ได้กล่าวถึง กุศโลบายในการฝึกคนของคุณยายอาจารย์ โดยมีสาระสำคัญ ๓ เรื่อง คือ
เรื่องแรก คือ ความอ่อนน้อมถ่อมตนของคุณยายอาจารย์

พวกเราที่มาทันคุณยายอาจารย์ เมื่อครั้งที่ท่านยังแข็งแรงอยู่ก็จะทราบว่า แม้ท่านมีคุณธรรมสูง เป็นครูบาอาจารย์ของเรา แต่เห็นใครเข้ามาวัด ท่านจะยกมือไหว้ก่อน เหตุผลประการหนึ่งที่ให้กับลูกศิษย์ไว้คือ คนที่มาวัดครั้งแรก



เห็นคุณยายก็ไม่รู้เป็นใคร กลัวเขาจะได้บาปที่นึกไม่ดีกับคุณยาย ท่านก็ไหว้เขาก่อน พอคุณยายไหว้เขาก่อน การสร้างความรู้สึกคุ้นเคยก็เกิดขึ้นได้ง่าย เขามาวัดใหม่ได้รับการต้อนรับอย่างดี ก็ไม่รู้สึกเคอะเขิน แล้วครั้งต่อไปที่มาวัด

เมื่อรู้จักว่าคุณยายเป็นใคร ทุกคนก็จะตั้งสติให้ดี ถ้าเห็นคุณยายทุกคนจะรีบไหว้ก่อน เพราะเกรงว่าคุณยายจะไหว้ก่อน ประเพณีการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน จึงเกิดขึ้นเป็นประเพณีของวัดพระธรรมกายมาถึงปัจจุบัน

เรื่องที่สอง คือ ความสะอาด
คุณยายท่านสอนอุบาสกทุกคนก่อนบวช โดยเฉพาะถึงกับเป็นประเพณีและคุณสมบัติที่เรารู้กันว่า อุบาสกคนใดที่มาอยู่วัดพระธรรมกาย ถ้ายังขัดห้องน้ำไม่เป็น ขัดสุขพิมานไม่สะอาด ก็ยังไม่มีการเสนอชื่อให้บวช

เรื่องที่สาม คือ ระเบียบวินัย
ระเบียบวินัยที่คุณยายอาจารย์มองการณ์ไกล และได้ตั้งระเบียบวินัยเป็นการป้องกันการกระทบกระทั่ง และเป็นแนวปฏิบัติเพื่อรองรับการขยายของหมู่คณะ ไว้ ๑๐ ข้อ ในวัด ซึ่งสลักไว้ที่ผนังคอนกรีตที่อาคารดาวดึงส์

นี่เป็นวันแรกของภาพรวมที่พระอาจารย์ท่านประทับใจในส่วนที่ท่านเห็นคุณธรรมของคุณยายอาจารย์

คืนที่สอง วันอังคาร พระอาจารย์ปลัดสุธรรม สุธัมโม ได้กล่าวถึงการบูชาบุคคลที่ควรบูชา เป็นมงคลอันสูงสุดของชีวิต โดยเฉพาะคุณยายอาจารย์ของเรา



ท่านเล่าประวัติของท่านก่อนที่จะมาพบคุณยายอาจารย์ และสิ่งที่ประทับใจมาก คือท่านได้มาพบคุณยายอาจารย์แล้ว ไม่ได้ปริปากพูดถึงประวัติของท่านเลย

แต่คุณยายก็สามารถพูดประวัติของท่านได้ ท่านมีศรัทธาที่ตั้งใจจะมาช่วยงานพระพุทธศาสนา ช่วยงานหมู่คณะ และก็สามารถเข้ามาร่วมสร้างบารมีกับหมู่คณะได้ นี่คือจุดที่ท่านได้เล่าเอาไว้
ประการสุดท้าย สิ่งที่ท่านเล่าเอาไว้คือสิ่งที่คุณยายท่านไม่ชอบมาก ๒ เรื่อง คือ

ประการที่ ๑ การประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ในการอยู่รวมกัน

ประการที่ ๒ เมื่อเรียนธรรมะแล้ว ใครเอาไปทำเลอะๆ เทอะๆ คุณยายอาจารย์ไม่ชอบมาก

มาถึงเมื่อวานนี้ พระอาจารย์ณรงค์ ทันตจิตโต ได้เปรียบเทียบคุณยายกับพระเจดีย์ เอาไว้ ๕ ประการ

ประการแรก พระเจดีย์นั้นอยู่ใกล้ อยู่ไกลก็เห็น ท่านเปรียบกับคุณยายว่า ไม่ว่ากัลยาณมิตรจะอยู่ใกล้หรือไกลคุณยาย ก็ได้คุณยายเป็นที่พึ่ง

ประการที่ ๒ พระเจดีย์นั้นมีความมั่นคง
เสมือนดังจิตใจของคุณยายอาจารย์ของเราที่มีความหนักแน่นมั่นคง

ประการที่ ๓ พระเจดีย์นั้นเป็นสิ่งที่ควรเคารพบูชา ประดุจดังคุณธรรมของคุณยายอาจารย์ของเรา ที่ถึงพร้อมด้วย ศีล สมาธิ ปัญญาประการที่ ๔ พระเจดีย์บางองค์ในอดีต จำลองเอาจักรวาลมาไว้ในรูปทรงของพระเจดีย์



คุณยายอาจารย์ของเราก็เหมือนกัน ท่านเก็บเอาความรู้ของจักรวาลเอาไว้ในกายของท่านประการที่ ๕ พระเจดีย์บรรจุสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไว้ภายใน ทั้งพระบรมสารีริกธาตุ พระธรรม เช่นเดียวกับคุณยายอาจารย์

ตั้งแต่บรรลุธรรมได้ทำวิชชากับพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กายของท่านก็บรรจุเอาพระรัตนตรัย บรรจุเอาพระธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน นี่คือสิ่งที่พระอาจารย์ได้มีความประทับใจ ได้ขยายเรื่องต่างๆ ที่ท่านได้ไตร่ตรองคุณของคุณยายอาจารย์เทียบกับพระเจดีย์

วันนี้อาตมามีสิ่งที่ประทับใจโดยสรุปอยู่ ๒ อย่างที่จะกล่าวถึง ซึ่งเป็น ๒ อย่างที่ทำให้อาตมาประคับประคองตัวเอง และรักที่จะอยู่กับหมู่คณะ มาได้ถึงวันนี้



สองประการนั้น คือ ปณิธานอันยิ่งใหญ่ของคุณยายอาจารย์ และความโชคดีของเราที่ได้เป็นลูกหลานอยู่ในวงบุญของคุณยายอาจารย์
ในวัฏฏสงสารอันยาวไกล การเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดขึ้นได้ยากยิ่ง ในแต่ละกัปนั้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้นก็ไม่เกิน ๕ พระองค์ ซึ่งในกัปนี้ถือว่าเป็นกัปที่เจริญที่สุด

มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ไปแล้ว ๔ พระองค์ ที่พึ่งผ่านเราไปเมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปี เป็นพระองค์ที่ ๔ คือ พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีคำกล่าวเอาไว้ พระไตรปิฎก อรรถกถา ส่งเสริมคุณอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสารีบุตร ซึ่งเป็นผู้มีปัญญามาก

เป็นผู้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแต่งตั้งเอาไว้ให้เป็นผู้เลิศด้วยปัญญา เปรียบเสมือนพระธรรมเสนาบดี สถานที่ใดที่พระสารีบุตรเดินทางไปแสดงธรรม ก็เหมือนที่พระองค์เสด็จไป

ถึงแม้ว่าพระสารีบุตรจะมีปัญญามาก เมื่อพระสารีบุตรกล่าวสรรเสริญคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากสิ่งที่ได้รู้ได้เห็น ท่านอุปมาไว้ว่า เหมือนแม่น้ำแห่งหนึ่ง มีน้ำท่วมล้น มีปริมาณมาก กว้างถึง ๑๘โยชน์ ( ๑โยชน์ เท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร)

มีบุรุษคนหนึ่งเอาก้นเข็ม จุ่มลงไปในน้ำเพื่อที่จะตักน้ำนั้นขึ้นมา น้ำที่ติดรูเข็มขึ้นมานั้นมีส่วนน้อย แต่น้ำที่ไหลท่วมล้นไปมีปริมาณมากฉันใด พระพุทธคุณที่พระสารีบุตรสามารถที่จะนำมากล่าวมาสรรเสริญตามที่ท่านได้รู้ได้เห็น ก็มีปริมาณเพียงน้ำที่ติดรูก้นเข็มฉันนั้น

บุคคลใดบุคคลหนึ่ง เอามือจับฝุ่นนั้นขึ้นมา ฝุ่นนั้นมีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับฝุ่นในแผ่นดินฉันใด พระพุทธคุณที่พระสารีบุตรสามารถรู้เห็น และนำมาสรรเสริญได้ ก็เป็นเพียงฝุ่นในกำมือเท่านั้น

นิ้วที่ชี้ไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ นิ้วที่ชี้ไปในนภากาศ ตรงไหนที่นิ้วชี้ไปถึงน้ำในมหาสมุทร ถึงอากาศในนภากาศ ส่วนที่นิ้วชี้ถูกเมื่อเทียบกับส่วนที่นิ้วชี้ไม่ถูกแล้ว ส่วนที่นิ้วชี้ถูกนั้น มีปริมาณเพียงน้อยนิด ฉันใด พระพุทธคุณที่พระสารีบุตรรู้เห็นนั้นมีเพียงปริมาณน้อยนิดฉันนั้น

แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง จะตรัสสรรเสริญพรรณนาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง ตลอดระยะเวลาอันยาวนานเป็นกัป กัปนั้นล่วงไปแล้ว หมดไปแล้ว แต่พระพุทธคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังไม่จบสิ้น


พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายที่ปรารถนาพระโพธิญาณ จะต้องบำเพ็ญบารมีอย่างยาวนานทีเดียว อย่างน้อยที่สุดก็ ๒๐ อสงไขยกับแสนมหากัป

คือตั้งความปรารถนาในใจ ๗ อสงไขย สร้างบารมีแล้วเปล่งวาจาตั้งความปรารถนาให้มหาชนได้ทราบอีก ๙ อสงไขย หลังจากที่ได้รับพระพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนแล้ว อีก ๔ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป

พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายจึงต้องอาศัยความเพียรอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน พระองค์จะต้องสละทรัพย์ อวัยวะ ชีวิตเพื่อแลกเอาการบำเพ็ญบารมีทั้ง ๑๐ ประการ มีทานบารมีเป็นต้น

และความปรารถนาที่จะพาสรรพสัตว์ทั้งหลายไปสู่พระนิพพานนั้น จะต้องไม่เลือนลางไปจากหัวใจของท่าน ตั้งแต่วันแรกที่ตั้งความปรารถนา จนกระทั่งเมื่อพระองค์บรรลุพระโพธิญาณ

แต่หากจะมีใครสักคนหนึ่งมีหัวใจเยี่ยงพระโพธิสัตว์ มีความปรารถนาที่จะพาสรรพสัตว์ทั้งหลายตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล เข้าสู่พระนิพพานให้หมดสิ้นไม่มีเหลือเลย

แม้มโนรถของบุคคลนั้นจะยังไม่สำเร็จลุล่วง เราควรจะตั้งท่านนั้นไว้ในฐานะใด ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาลนี้ จะมีสักกี่คนที่ตั้งความปรารถนาที่จะปราบพญามารให้หมดสิ้น



หนึ่งในบุคคลนั้นอันหาได้ยากยิ่ง ท่านประดิษฐานอยู่ในเรือนทองข้างหน้าของพวกเราทั้งหลาย ร่างๆ เล็กของคุณยายที่เก็บดวงใจอันยิ่งใหญ่ไว้นี้ เป็นเสมือนเมล็ดโพธิ์ เมล็ดเล็กๆ แต่ได้เก็บความยิ่งใหญ่ไว้ภายใน

ทำอย่างไร เราจึงจะได้ติดตามสร้างบารมี อยู่ในวงบุญของท่านไปทุกภพทุกชาติ พระพุทธเจ้าได้ตรัสเหตุเกิดความรักและความผูกพันไว้ ๒ ประการ

เหตุให้เกิดความรักประการแรก คือ ความเป็นผู้คุ้นเคยกันมาในอดีต เคยอยู่ร่วมกันมา เคยสร้างความดี สร้างบุญร่วมกันมาประการที่ ๒ เคยเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ก็เป็นเหตุให้เกิดความรักและความผูกพันกันได้

ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล ขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จบิณฑบาต พราหมณ์เฒ่าผู้หนึ่งได้เข้ามากอดพระบาทของพระองค์ แล้วกล่าวว่า ลูกไปไหนมา ๆ เรียกพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นลูก พระอานนท์และประชาชนทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์อยู่

ต่างก็ทราบว่าพระพุทธบิดาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือพระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ผู้ครองอยู่เมืองกบิลพัสดุ์ ไม่ใช่พราหมณ์เฒ่าผู้นี้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นเลิศ ก็เสด็จตามคำอาราธนาของพราหมณ์ไปที่บ้าน เมื่อไปถึงบ้านแล้ว

พราหมณ์เรียกนางพราหมณีออกมาพบลูกของตัวเอง นางพราหมณีเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ร้องไห้ด้วยความปีติ แล้วก็กล่าวว่า ลูกไปไหนมา

ทำไมไม่มาดูพ่อกับแม่ที่ชราภาพมากแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดพราหมณ์ทั้งสอง จบพระธรรมเทศนา ทั้งสองก็ได้บรรลุธรรมเป็นอนาคามีบุคคล แล้วท่านก็ตรัสให้ภิกษุทั้งหลายผู้สงสัยว่าพราหมณ์นั้นเรียกพระองค์ว่าเป็นบุตรได้อย่างไร

พราหมณ์ทั้ง ๒ นี้ เคยเกิดเป็นพ่อเป็นแม่ของพระองค์มาถึง ๕๐๐ ชาติ เคยเกิดเป็นอาเป็นน้า ๕๐๐ ชาติ เคยเกิดเป็นปู่ย่าของพระองค์ในอดีตถึง ๕๐๐ ชาติ พระองค์ตรัสว่า

เราเจริญเติบโตของพราหมณ์ทั้ง ๒ นี้ ตลอด ๑,๕๐๐ ชาติ ติดต่อเนื่องกันไม่ขาดเลย ความรัก ความผูกพัน ความคุ้นเคย จึงทำให้พราหมณ์ทั้ง ๒ เรียกพระองค์ว่าเป็นบุตร

ท่านทั้งหลาย พวกเราทั้งหลาย มีโชคอันมหาศาลที่มีโอกาสมาสร้างบุญร่วมกับคุณยายอาจารย์ ตั้งแต่ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)

เคยเล่าให้ฟังว่า คุณยายเคยสอนเอาไว้ว่า ถ้ารักใครแล้วให้ชวนเขามาทำบุญ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ ลุงป้าน้าอา เพื่อนสนิทมิตรสหาย ก็ขอให้ชวนเขามาทำบุญร่วมกัน

ถ้าเราไม่ชวนเขามาทำบุญร่วมกัน ก็ไม่มีบุญที่จะผูกพันกันต่อไป ก็จะเริ่มห่างกันไปเรื่อย ๆ จากคืบเป็นศอก จากศอกเป็นวา จากวาเป็นโยชน์ แล้วก็ห่างกันไปเรื่อยๆ

จึงเป็นโอกาสดีของพวกเราทั้งหลาย ที่มาร่วมบุญกับคุณยาย
http://www.dhammakaya.net/blog/2011/01/27
ขอขอบคุณข้อมูลจากเพจตามลิงค์ค่ะ
https://www.facebook.com/pk.arak113/videos/1803452219869378/ 

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คุณยาย In My Heart "จากทุ่งนาถึงแดนธรรม"

🌟 จากทุ่งนาถึงแดนธรรม 🌟 
สมความปรารถนา



...กว่าที่คุณยายของเราจะเข้าถึงพระธรรมกายได้ก็ต้องอาศัยความเพียรความอดทนและความเสียสละยอมทนทุกอย่างท่านต้องทำอย่างจริงจังต่อเนื่องกันแล้วในที่สุดท่านก็สมหวัง...

🌟 สะพานเชื่อมวัดปากน้ำหลังจากที่ได้ยินได้ฟังกิตติศัพท์ของหลวงปู่วัดปากน้ำแล้ว คุณยายก็สืบดูว่าใครจะพาท่านไปถึงครูบาอาจารย์ได้ แล้วท่านก็ทราบมาว่าคุณนายเลี้ยบ ซึ่งเป็นอุปัฏฐากคนสำคัญคนหนึ่งของวัดปากน้ำ สามารถเป็นสะพานเชื่อมให้ท่านได้ 

คุณนายเลี้ยบเป็น เศรษฐินี ที่ไปทำบุญเลี้ยงพระที่วัดปากน้ำ เป็นประจำ เป็นกองเสบียงสำคัญคนหนึ่ง ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ท่านจึงตั้งใจว่า จะต้องไปอยู่ที่บ้านของคุณนายเลี้ยบให้ได้ เสียก่อน 

เพราะท่านคิดไปตามขั้นตอนว่าท่านยังไม่รู้จักใคร หากไปวัดปากน้ำเองโดยตรงอาจจะไม่มีใครรับเอาไว้ เนื่องจากท่านเองก็ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้

เมื่อคุณยายไปถึงบ้านคุณนายเลี้ยบ ท่านก็ยอมตนเป็นคนรับใช้ ทั้งที่อยู่บ้านแล้วมีอิสระ แต่ท่านก็ยอมสละทุกสิ่ง ถึงกระทั่งยอมเป็นคนรับใช้เศรษฐินีท่านนี้ 

ด้วยเพียงหวังว่าคุณนายจะเป็นประดุจสะพานเชื่อมพาท่านไปวัดปากน้ำ ภาษีเจริญเพื่อเรียนวิชชาธรรมกายท่านศึกษาลู่ทางและวางแผนคิดการใหญ่ไปถึงขนาดนั้น 

ถือได้ว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยที่ คนมีฐานะพออยู่พอกินไม่เดือดร้อนด้วย เรื่องใดๆ กินอยู่แต่พอดีในวิถีชีวิตสังคมเกษตรกรรม จะต้องมายอมตนเป็นคนรับใช้ถึงขนาดนี้

ด้วยความที่คุณยายเป็นคนมีระบบ มีระเบียบและรักความสะอาดมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใดก็จะทำหน้าที่พิชิตความสกปรกในทุกหนทุกแห่ง ท่านทนไม่ได้ที่จะเห็นความไม่สะอาด 

แม้ว่างานที่บ้านคุณนายเลี้ยบจะเป็นงานของคนรับใช้ แต่ท่านก็อดทนทำด้วยความเพียร ตั้งใจทำความดี

จนกระทั่งเจ้าของบ้านรักใคร่เอ็นดูไว้เนื้อเชื่อใจท่านทำงานหนักเป็นสองถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับคนรับใช้อื่นๆ ด้วยความขยันหมั่นเพียรมี
ระบบระเบียบจึงทำให้ท่านสามารถดูแลบ้านได้เป็นอย่างดี

ความดีงามของท่านนี้เองทำให้ท่านได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคนดูแลรับใช้เป็นผู้จัดการบ้านที่ดูแลทุกอย่าง และคนรับใช้คนอื่นๆ ที่อยู่มาก่อนก็ต้องกลายเป็นลูกน้องของท่านกันหมด 

คุณนายเลี้ยบไว้วางใจท่านมากถึงขนาดมอบกุญแจห้องเก็บกำปั่นเงิน
และทรัพย์สมบัติทั้งหมด ซึ่งเป็นห้องสำคัญที่สุดให้ท่านดูแล กุญแจดอกสำคัญนี้สามารถไขเปิดเอาสมบัติต่างๆ ได้ทั้งหมด
แม้คุณยายจะสามารถเดินเข้าออกได้ตลอด แต่ท่านก็เข้าไปเพื่อทำหน้าที่รักษาความสะอาดเท่านั้นเพราะท่านเป็นที่หนึ่งในด้านความซื่อสัตย์สุจริต 

ความดีของท่านจึงเป็นที่ยอมรับของคุณนายเลี้ยบซึ่งหวังอยากให้ท่านอยู่รับใช้ใกล้ชิดจนตลอดชีวิตคุณยายทำความดีมากมายถึงขนาดนี้
ก็เพราะ หวังจะชนะใจเจ้าของบ้านให้ได้ เพื่อที่เจ้าของบ้านจะได้พาท่านไปพบครูบาอาจารย์คือพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ 

แล้วในที่สุดโอกาสก็มาถึง เมื่อวันหนึ่งเจ้าของบ้านได้อนุญาตให้ไปนั่งสมาธิด้วยกันบนดาดฟ้าถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับคุณยายเพราะท่านมาที่นี่ก็เพื่อการนี้ เพื่อให้ที่นี่เป็นประดุจสะพานเชื่อมข้ามไปถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ผู้ที่จะถ่ายทอดวิชชาธรรมกายให้กับท่านเท่านั้นเอง

เอาไปได้แต่..บุญบาป

คุณยายพูดกับอดีตเทศมนตรีจังหวัดศรีสะเกษว่า...คนมียศมีตำแหน่งเวลาเข้าวัด ยศให้วางทิ้งไว้  มันเป็นเรื่องของโลก เวลาตายไปก็เอาติดตัวไปด้วยไม่ได้ ต้องทิ้งไว้ ที่จะเอาติดตัวไปได้ก็คือ...บุญกับบาปเท่านั้น คนมียศก็คือคนสวมหัวโขน พอถอดหัวโขนออก  ก็ไม่มีใครสนใจ  เหมือนคนตอนหมดยศแล้ว อะไร ๆ ก็ไม่แน่  ที่แน่ ๆ คือ บุญและบาปเท่านั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบุญและบาป

คำสอนคุณยาย

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

ไม่รีบขวนขวายเมื่อยังหนุ่มยังสาวอยู่ แล้วจะรอไปเมื่อไร ?

ยายต้องเอาชีวิตเข้าแลก !! กับการสร้างศูนย์พุทธจักรฯ 

  กว่าจะสร้างเสร็จ พอเกือบเสร็จยายก็ล้มเจ็บ เจ็บคราวนี้แทบเอาชีวิตไม่รอด ยายต้องเอาตัวเองเหมือนกับจุ่มอยู่ในบุญตลอดเวลา ถึงรอดได้ ! ถ้าเป็นผู้เฒ่าคนอื่น คงเป็นขี้เถ้าไปแล้ว ตอนนี้ยายก็หายแล้ว แต่ก็สบายแบบคนแก่นะแหละ
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖

ชีวิตเราเกิดมาคนเดียว ตายก็คนเดียว !!  


เมื่อตัวเราเองยังเอาตัวเองไม่รอด ยังไม่มีที่ยึดที่เกาะแน่นอน ก็แสดงว่าตัวเรายังไม่แน่จริง อาจจะเสียที พญามาร เมื่อไรก็ได้


เกิดมาแล้ว  พบพระพุทธศาสนาแล้ว พบวิชชาที่สำคัญ และมีประโยชน์ที่สุดแล้วยังไม่รีบขวนขวายเมื่อยังหนุ่มยังสาวอยู่ แล้วจะรอไปเมื่อไร

 เมื่อแก่แล้วก็ทำอะไรไม่ได้ เรายังไม่รู้แน่ว่าจะตายเมื่อไร เกิดปุบปับตายไปมิตกนรกหรือ?

ไม่กลัวว่าเกิดมาแล้วจะเป็นโมฆะหรือ? ไม่เสียดายเวลาหรอกหรือ? 


ชีวิตนี้เกิดมาสร้างบารมี บุญที่ได้เพิ่มขึ้น ก็รักษาให้ดี  มีแต่บุญเท่านั้นที่จะช่วยเราได้


บุญละเอียดเป็นบุญที่สำคัญมาก เรายังทำบุญละเอียดน้อยอยู่ แล้วเราจะหวังอะไรกับชีวิต


ถ้าเกิดมาครั้งนี้เพื่อให้เป็นโมฆะ แล้วจะเกิดมาทำไม? เห็นแก่คุย  เห็นแก่เล่น เสียเวลาเปล่าๆ  เราได้อะไรบ้าง? 


ลองนึกดูก็จะรู้ว่า  เราขาดทุนหรือกำไร ระวังเอาไว้ บุญต้องรักษาให้ดี ถ้ารักษาไม่ดี  ไม่นึกถึง  
ไม่เอาใจใส่  บุญก็น้อย บุญก็ไม่หลั่งไหลมา

ถ้าเรานึกไว้เรื่อย  บุญก็ส่งต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ อนาคตเราจะหวังอะไรอีกหวังความงามในรูป  เสียง  กลิ่น รส  สัมผัส  อย่างนั้นหรือ? 


จงคิดให้ดีก่อน ก่อนที่จะทำอะไรลงไป ผิดแล้วจะแก้ไม่ทัน นอกจากจะทำใหม่


#ขุมทรัพย์ล้ำค่าจากคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2518


🌟อธิษฐานล้อมคอก🌟


คุณยายสอนเสมอว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ต้องอธิษฐานล้อมคอกไว้ให้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง

  ขอให้หูดี ตาดี โรคภัยไข้เจ็บไม่มี ให้อาการ ๓๒ ครบบริบูรณ์ ขอให้ได้เกิดเป็นชาย ได้เพศบริสุทธิ์ ไม่หลงใหล ในเพศตรงข้าม ไม่ยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ของเพศตรงข้าม

  ก่อนตายขอให้มีสติ ให้มีบุญบารมีมาก ๆ ทุกภพทุกชาติ ให้พบแต่คนดี ๆ ว่านอนสอนง่าย

  ปลูกต้นไม้ก็ให้อธิษฐาน ให้ต้นไม้ทุกต้นที่เราปลูกนี้เจริญงอกงาม ให้ความร่มเย็นเป็นสุข ใครมานั่งใต้ร่มไม้นี้ ก็ให้เห็นธรรมะ ให้จักรพรรดิลงรักษา นกกามาจับ เราก็ได้บุญ

ตอนนอน ก็อธิษฐานอยู่ในองค์พระตลอดเวลา พระจะได้คุ้มครองรักษา มีอะไรเกิดขึ้นเราก็ปลอดภัย

๒๗ กรกฎาคม ๒๕๒๐
คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย

🍀 http://line.me/ti/p/%40jai.yut.24nor หรือที่ Line ID : @jai.yut.24nor

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559

ทำไมต้องหล่อรูปเหมือน..คุณยายอาจารย์ ด้วยทองคำ!


      สถานการณ์ปัจจุบันนี้หลายๆ คนก็คงมีคำถามในใจว่า... เราจะฝ่ากองอุปสรรคต่างๆ เหล่านี้ไปได้อย่างไร ?

ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงมาก … พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะสู้กันอย่างไรบ้าง ที่ผ่านมา เราก็สู้ทุกรูปแบบ
แต่ว่า…แบบที่สู้แล้วต้องชนะขาดไปเลยนั้น ก็ยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร !!!

     แต่หลวงพ่อท่านทราบ…ว่าต้องทำอย่างไร? …ในภาวะเหตุการณ์เช่นนี้ !!!  "งานหล่อทองคุณยายจึงเกิดขึ้น" 
"ผังสำเร็จ" ศึกครั้งนี้จะต้องรอด ต้องชนะเท่านั้น!!!
      คุณยายท่านพร้อม!!! ท่านลงมาคุมเต็มที่ … งานนี้หลวงพ่อจึงต้องอัญเชิญคุณยายลงมาเป็น "แม่ทัพ" ให้เรา

สร้างบุญถึงที่สุด  แล้วจะเป็นผู้ชนะ
ถ้าเราอยู่ในธรรม  เราดูคนทางธรรมให้ออก แล้วเราก็จะสามารถดูคนทางโลกออกได้ไม่ยากเลย  เพราะโลกหยาบกว่าธรรม ถ้าเรายังไม่สามารถทำได้ในชาตินี้ ในขณะที่เราต่อสู้ถึงที่สุดแล้ว ก็ให้คิดว่าชาติต่อไปเราต้องชนะ เราต้องชนะให้ได้ แล้วสร้างบุญในชาตินี้ให้มาก  ให้หนักกว่าเดิม ให้แก้ไขที่ตัวเราเอง ให้สร้างบุญ สร้างความบริสุทธิ์กาย  วาจา  ใจ  ในตัวเราให้ หนักยิ่งขึ้น แล้วเราจะเป็นผู้ชนะ

25 พฤศจิกายน พ.ศ.2522


        ในวาระวันคุ้มครองโลกวันศุกร์ที่  22 เมษายน พ.ศ. 2559 ที่จะถึงนี้ เป็นวันครบ 6 รอบ หรือ 72 ปี ของคุณครูไม่ใหญ่ ซึ่งคุณครูไม่ใหญ่ได้ตั้งใจจะเอาบุญใหญ่ บูชาธรรมคุณยายอาจารย์ฯ ด้วยการหล่อรูปเหมือนทองคำคุณยายฯ ขนาดเท่าครึ่งขององค์จริง เพื่อประดิษฐาน ณ อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งกำลังจะสร้างแล้วเสร็จในไม่ช้านี้
 

      โดยจะมีพิธีหล่อรูปเหมือนของท่านในสภาธรรมกายสากล ซึ่งนับจากวันนี้เป็นต้นไป ก็เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนลูกหลานคุณยายทั่วโลกมาเอาบุญใหญ่นี้ด้วยกัน
 
        ส่วนรายละเอียดที่มากกว่านี้จะเป็นอย่างไร โปรดสอบถามผู้ประสานงานที่ท่านสังกัด

  อานิสงส์การทำบุญด้วยทองคำจากพระไตรปิฎก
        1. ด้วยอานิสงส์ที่เคยถวายแผ่นอิฐทองคำเพื่อทำเป็นฐานเจดีย์สำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งผลให้ พระมหากัจจายนะ มีผิวพรรณวรรณะละเอียดผุดผ่องดังทองคำ

       2. ด้วยอานิสงส์ที่เคยถวายอาสนะแก้วผลึกที่ฉาบทาด้วย ทองชมพูนุทอันเป็นทองคำบริสุทธิ์ เพื่อเป็นที่ประทับของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งผลให้พระมหากัจจายนะ (ภพชาติในอดีต) ได้ไปเกิดเป็นเทพราชาผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์มีรัศมีแผ่ไปโดยรอบไกลถึง 100 โยชน์ ได้บังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้มีฤทธิ์มากมีรัตนะ 8 ประการ สว่างโชติช่วงทั้งกลางวันกลางคืนประดุจดวงอาทิตย์อุทัย และเวียนว่ายตายเกิดอยู่แต่ในสุคติภูมิเป็นเวลาที่ยาวนาน

        3. ด้วยอานิสงส์ที่ทำหม้อดอกไม้ทองคำ 3 ใบ ไปบรรจุไว้ในเจดีย์ทองคำที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเพื่อกราบขอขมาและระลึกถึงคุณของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งผลให้ชฎิลเศรษฐี เป็น 1 ใน 5 ของเศรษฐีที่รวยที่สุดในสมัยพุทธกาล มีภูเขาทองคำสูง 80 ศอก เกิดขึ้นหลังบ้าน

       4. ด้วยอานิสงส์ที่เคยถวายบัลลังก์ทอง 1 แสนตัว แด่พระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อรับรองภิกษุถึง 1 แสนรูป ส่งผลให้ภพชาติในอดีตของพระภัททิยเถระ ได้ไปเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช 74 ครั้ง เป็นพระเจ้าประเทศราชครอบครองพสุธา 1,000 ครั้ง เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 51 ครั้ง เกิดในตระกูลสูงสมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติและรูปสมบัติอันเลิศ ได้บวชและบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
   
     5. ด้วยอานิสงส์ที่ปลดเครื่องประดับทองคำจากคอ แล้วมอบให้ช่างทองนำไปทำอิฐ ทองคำเพื่อสร้างเจดีย์ทองคำสูง 1 โยชน์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่งผลให้อุบาสิกาเสสวดี ละโลกแล้วไปเกิดในสวรรค์ยาวนานถึง 1 กัป มีวิมานทองที่สว่างไสวใหญ่โตวิจิตรตระการตา
    
     6. ด้วยอานิสงส์จากการถวายแผ่นอิฐทองคำ สร้างเจดีย์บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่งผลให้ไปตัดรอนวิบากกรรมเก่าของ พระภัททกาปิลานีเถรี ที่มีกลิ่นตัวเหม็นเหมือนส้วมให้กลับกลายเป็นมีกลิ่นจันทน์ฟุ้งออกจากกาย และมีกลิ่นดอกบัวออกจากปาก ในภพชาติสุดท้ายพระภัททกาปิลานีเถรีได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์เถรี ผู้เป็นเลิศในด้านเป็นผู้มีความสามารถในการระลึกชาติได้เป็นเยี่ยม
  

ประวัติคุณยายอาจารย์

คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์  ขนนกยูง
คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์  ขนนกยูง ผู้เป็นหนึ่งไม่มีสอง

     คุณยายอาจารย์ เกิดในครอบครัวชาวนา ที่อำเภอนครไชยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นลูกคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้อง 9 คน ของพ่อพลอย และแม่พัน คุณยายเป็นคนขยันและอดทน ช่วยพ่อแม่ดูแลงานบ้านและเป็นเรี่ยวแรงหลักในการทำนา เมื่อคุณยายอายุได้ 26 ปี (พ.ศ. 2478) ท่านตัดสินใจออกจากบ้าน เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาฝึกสมาธิ(Meditation)ที่วัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) จนได้พบและฝึกสมาธิกับคุณยายทองสุก สำแดงปั้น ซึ่งเป็นครูสอนสมาธิ จากวัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) จนได้เข้าถึงพระธรรมกาย แล้วใช้วิชชาธรรมกายตามหาพ่อ ได้ขอขมาและช่วยพ่อขึ้นจากนรกได้

       จากนั้นคุณยายทองสุกได้พาคุณยาย ซึ่งตอนนั้นอายุได้ 29 ปี (พ.ศ. 2481) ไปกราบหลวงพ่อวัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) เมื่อหลวงพ่อพบคุณยายครั้งแรก ท่านก็รับคุณยายเป็นศิษย์ และให้เข้าศึกษาวิชชาธรรมกายชั้นสูงในโรงงานทำวิชชาทันที
     ด้วยความวิริยะอุตสาหะ และความเป็นคนทำอะไรทำจริงของคุณยาย ทำให้ท่านศึกษาวิชชาธรรมกายได้อย่างรวดเร็วและเชี่ยวชาญยิ่ง จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นหัวหน้าเวรในการทำวิชชา และได้รับคำชมจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญว่า “ลูกจันทร์นี่ หนึ่งไม่มีสอง”
        หลังจากหลวงพ่อปากน้ำมรณภาพไปแล้วคุณยายก็ไม่ได้ทิ้งเจตนารมณ์ในอันที่จะถ่ายทอดวิชาธรรมกายไปสู่ชาวโลกแม้จะรู้ตัวว่าไม่รู้หนังสือเลยจะไปสอนใครได้แต่ในความเชื่อมั่นในธรรมะของพระพุทธองค์คุณยายไม่ย่อท้อได้มั่นฝึกฝนตกเองและรับหน้าที่เผยแผ่วิชาธรรมกายเรื่อยมา มีลูกศิษย์ผู้ใฝ่ธรรมขอเข้ารับการศึกษาจากท่านจำนวนมากในที่นี้รวมถึง นักเรียนไชยบูรย์ สุทธิผล (พระเทพญาณมหามุนี หลวงพ่อธัมมชโย) จากโรงเรียนสวนกุหลาบ ในเวลาต่อมาก็พา รุ่นพี่ รุ่นเพื่อน รุ่นน้อง มาฝากตัวเป็นศิษย์มากมาย  ทำให้บ้านธรรมประสิทธิ์ที่ใช้ฝึกปฏิบัติธรรมในวัดปากน้ำคับแคบลงถนัดใจ

พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)
     “สมัยแรกๆ ยายก็ไม่ได้คิดจะสร้างวัด อยู่วัดปากน้ำหลวงพ่อธัมมะฯ เนี่ย ท่านก็เรียนอยู่สวนกุหลาบท่านก็เดินไปหายายบอกว่ายายอยากจะบวชจังเลยยายก็บอกว่าคุณเหรอจะบวชถ้าคุณจะบวชคุณต้องเรียนจบปริญญาก่อนถึงจะบวชให้ หลวงพ่อธัมมะฯก็เข้ามหาวิทยาลัยเกษตรได้หลวงพ่อธัมมะฯ ก็ไปเอาหลวงพ่อทัตตะฯ มาอีกคนหนึ่งหลวงพ่อทัตตะฯ ก็โอ้โฮ...วิชาเดียรัจฉาน นี่เรื่องจริงนะวิชาเดียรัจฉานเต็มตัวหมดเลยกว่าจะห้ำหั่นสององค์นี่ลงสองคนนี่ได้เกือบตาย” คุณยายกล่าว  
        ต่อมาเมื่อท่านไชยบูรณ์สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้วก็เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุจำพรรษาอยู่ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งทำให้ท่านศึกษาธรรมะที่ละเอียดลึกซึ่งและได้รับการฝึกฝนอบรมจากคุณยายอย่างดีเยี่ยม เมื่อรวบรวมคณะศิษย์ได้กลุ่มหนึ่งแล้วท่านก็ปรารถนาจะขยายวิชาธรรมกายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์  ขนนกยูง ผู้เป็นหนึ่งไม่มีสอง

      “ยายก็คิดว่าเราต้องหาแผ่นดินซักแห่ง ยายก็คิดได้ให้คนไปขอแผ่นดิน ขอ 50 ไร่ เขายกให้หมดผืนเลยจ๊ะ ยายก็ส่งหลวงพ่อทัตตะฯ เนี่ยมาก่อนมาเฝ้าแผ่นดินนี่ไว้ พอวันเสาร์ยายก็ขึ้นรถมาทุ่งนาเนี่ย ทุกเสาร์ ทุกเสาร์ เป็นทุ่งนานะ สร้างวัดใหม่ๆ เป็นทุ่งนาเลย ไม่มีอะไรเลยเกือบตายกว่าจะเอาวัดลง  พอจะสร้างวัดได้เหนื่อยจังเลย ยายนี่เหนื่อยจังเลยจนเป็นโรคขาดอาหาร สมัยแรกๆนะ เช้ามากินข้าวแล้ว ต้องนั่งธรรมะ ถึง 5 โมงกลางวัน พอ 5 โมงกลางวันแล้วทำไง! ลงช่วยเขาปลูกต้นไม้ 5 โมงเย็นก็อาบน้ำอาบท่าขึ้นมานั่งธรรมะไปถึง 4 ทุ่มถึงจะได้นอน สมัยนั่นคนเขาไม่ได้ศรัทธาพระยายเลย เขาศรัทธายายมาก ยายก็ไปบอกบุญคนนั้น บอกบุญคนนี้ให้เขามาช่วย มาช่วยทางสร้างกุฏิบ้างมาช่วย สร้างครัวบ้างแล้วก็วางแผนไม่ให้พระเราออกบิณฑบาต  พระในวัดนี่นะมาใหม่ๆนะไม่ให้ออกบิณฑบาตจะหุงข้าวเลี้ยงเอง  ทำมาอยู่มาอยู่มายายเหนื่อยมากๆเข้า ยายก็ไม่มีแรงเดินไม่ไหวแล้วเขาก็เอาพวกหมอจุฬามาตรวจเขาบอกไม่มีโรคอะไร โรคขาดอาหาร ยายนะทำงานหนักมามากที่สุด” คุณยายกล่าว

คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์  ขนนกยูง

        ด้วยดวงใจที่เด็ดเดี่ยวกล้าแกร่งกว่าเพชรด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของยายที่ได้วางกฎระเบียบต่างๆในการบริหารวัดช่วยปูพื้นฐานให้หมู่คณะเป็นปึกแผ่นและคอยให้กำลังใจแก่ศิษย์มาโดยตลอดทำให้ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่งมาเป็นวัดพระธรรมกายที่มีระบบระเบียบงดงามยิ่งเป็นศรีสง่าแห่งพระพุทธศาสนาและเป็นที่ตื่นตาตื่นใจแก่ชาวโลกทั้งหลาย
http://peaceinmind1.blogspot.com/2016/03/un.html
 ขอบคุณข้อมูลจาก http://goo.gl/V6OmwG